Translate

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559

เชอรี่


                                                                                                             เชอร์รี่ / Cherry
 มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว เป็นไม้ยืนต้นในสกุล Prunus สกุลย่อย Cerasus เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง  ใบเขียวเข้ม ดอกเหมือนซากูระสีขาวอมชมพู เพราะจัดยุในวงศ์เดียวกัน ผลกลม ขนาดเล็ก เปลือกมีทั้งสีแดงเข้ม สีส้มและสีเหลือง อุดมไปด้วยวิตามินซีที่มีมากกว่าส้มถึง 30-80 เท่า นอกจากจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส ชะลอความแก่ และช่วยต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นอีกด้วย จากผลงานการวิจัยของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า การกินเชอร์รี่มากถึง 20 ผลจะช่วยลดอาการซึมเศร้าได้มากกว่าการกินยา เนื่องจากในผลเชอร์รี่มีสารที่ชื่อว่า แอนโธไซยานิน (Anthocyanin) ทำให้คนกินมีความสุข ด้วยเหตุนี้แพทย์ตะวันตกจึงเรียกเชอร์รี่ว่า เป็นแอสไพรินธรรมชาติ
anthocyanins ซึ่งช่วยในการลดการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง
เชอร์รี่เป็นผลไม้ชนิดหนี่งซี่งมีแหล่งอาหารที่มีเมลาโทนิ, สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจและช่วยในการนอนหลับ
เชอรรี่จะเรียกว่า "อาหารสมอง" ช่วยในสุขภาพสมองและในการป้องกันการสูญเสียความจำ
เชอรรี่มีประสิทธิภาพอย่างสูงในการต้านการอักเสบ ลดอาการอักเสบและปวดที่ข้อต่างๆ 


เชอรี่สเปน...(บ้านเราเรียกเชอรี่ไทย,มะยมแดง).. ใบดอกจะคล้ายกัน แต่ผลจะก้นเป็นเหลี่ยมคล้ายมะยมบ้านเรา รสเปรี้ยวแต่มี วิตามินซีสูงกว่าส้ม 60-80 เท่า


เชอรี่หวาน... ผลจะกลมคล้ายแอปเปิ้ล รสเปรี้ยวน้อยกว่า นิยมเอาไปทำเครื่องสำอางค์ 
โดยใช้ชื่อว่า Acerola หรือมีส่วนผสมของAcerola 
ครีมบำรุงผิวที่มีสารสกัดจากผล อะเซโรล่าเชอรี่เข้มข้น ปรับสภาพผิวให้ขาวเนียนใส อมชมพู ผิวที่มีจุดด่างดำจากรอยสิว ฝ้า กระ ให้กระจ่าง กระชับรูขุมขนเล็กลง คืนความชุ่มชื่นให้ผิว
ลดเลือนและต่อต้านอนุมูลอิสระ เพราะเชอรี่มีวิตามินซีสูงกว่ากว่าผลส้มถึง 50 เท่า ซึ่งวิตามินซีจะช่วยปรับผิวกระจ่างใส ลดรอยด่างดำ และปรับผิวให้กระชับเรียบเนียน อีกทั้งยังช่วยฝ้าและ รอยด่างดำจากสิวจางลง 

ประโยชน์ของเชอรี่
-อุดมไปด้วยสารแอนโทรไซยานิน(Anthocyanins)
-วิตามินซีสูงถึง 2000 มิลลิกรัม เป็นผลไม้ที่มีจำนวนวิตามินซี จำนวนมากที่สุดในบรรดาผลไม้ด้วยกัน
-ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ลดภูมิแพ้ช่วยลดการแพ้ต่าง ๆ
-ในเด็กช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต  ในผู้ใหญ่ช่วยทำให้ผิวกระชับ ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
-อุดมไปด้วยธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง 
-สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ ซึ่งมีสาเหตุจาก กล้ามเนื้ออักเสบหลังจากการออกกำลังกาย 
-ป้องกันโรคความจำเสื่อม เนื่องมาจากการมีอายุมากขึ้น
-มีสาร แอนตี้ออกซิแดนท์ ยับยั้งต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกทำลาย  ช่วยป้องกันเซลล์เสื่อมตัวเร็ว ทำให้ช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดแข็ง ช่วยป้องกันเซลล์เสื่อมตัวเร็ว ทำให้ช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดแข็ง
โรคข้ออักเสบจากรูมาตอยด์ เป็นต้น 

สามารถปลูกได้ดีในอากาศประเทศไทย ออกดอกติดผลได้ตลอดทั้งปีแม้ปลูกในกะถาง วงการบอนไซนิยมนำมาทำเป็นไม้ดัด ศัตรูพืชมีน้อย ส่วนใหญ่จะมีแค่มด กับเพลี้ย สามารถแก้ด้วยการฉีดน้ำยาล้างจานเจือจาง ซึ่งไม่ตกค้างแบบสารเคมีทั่วไป เพราะสามารถย่อยสลายตัวเองได้ตามธรรมชาติภายในไม่กี่วัน





























มะเขือเทศ สวย แปลก

ย้ายจากบอร์ดเก่าที่หายไปนะครับ รูปยังใช้ชื่อเดิมอยู่
มะเขือเทศหวาน(จัดเป็นผลไม้ซะมากกว่า)

ตามหากันนานหลายเดือนกว่าจะได้มาปลูกชุดแรกได้มาแค่ 9 เมล็ดเท่านั้นคับ
ไม่แน่ว่าจะรอดสักกี่ต้น แต่ดูจากรูปที่ยืมมานี้คิดว่าแค่รอดสักต้นนึงคงจะคุ้มค่าแล้วล่ะ
สาเหตุที่สนใจมากเพราะไปเจอมันวางขายในห้างดังๆ ราคาสูงมากที่เดียว แถมบริษัทที่เพาะพันธุ์เพื่อจำหน่าย
ไม่ยอมแบ่งขายเมล็ดซะอีกน่ะ จีบกันตั้งนานก็ไม่ใจอ่อนซักทีนึง บังเอิญรู้จักกะคนที่จำหน่ายเมล็ดดอกไม้แปลก
ที่นำเข้ามาขาย จึงไปขอร้องจนได้มาสมใจสักที
ส่วนรสชาตินั้นจัดได้ว่าดีมาก
ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน เหม็นเขียวแบบ มะเขือเทศบ้านเรา รสหวานมาก ถ้าเปรียบก็หวานกว่าลูกพลับที่มาจากเมืองจีนซะอีก
ไปหาอ่านในเนทมาเขาบอกว่าหวานถึง 16 บริกซ์ มากกว่าผลไม้ในบ้านเราหลายชนิดทีเดียวคับ

ไข่มุกสีทอง
พันธุ์นี้บ้านเรานิยมปลูกกันแล้ว จากที่อ่านๆดูรสชาติดีขนาดที่คนไม่กินผัก ไม่ชอบ
มะเขือเทศยังติดใจในรสชาติของมันได้ง่ายๆ
ตอนนี้ได้เม็ดมาเพาะไว้จำนวนนึงอาจจะมีแบ่งกันไปเลี้ยงบ้างเพราะ เลี้ยงไว้เยอะเวลาออกผลกินกันไม่ทันแน่ๆคับ



มะเขือเทศกระถาง
ปกติมะเขือเทศจะเป็นพืชกึ่งไม้เลื้อย แต่พันธุ์นี้เขาจะเป็นไม้พุ่ม
ต้นไม่สูง แค่ 15 เซนก็เริ่มมีผลให้ได้ชมกันแล้ว เหมาะที่จะนำไปปลูกในกระถางรึประดับบนโต๊ะอาหาร
รึโต๊ะทำงานก็สวยไม่แพ้กัน


     





  มะเขือเทศ อิตาลี่ เป็นไม้ยืนต้นแถมอายุยืนมาก 20-30 ปีเลยทีเดียวสูงได้ถึง7 เมตรหรือ 15ฟุต ให้ผลผลิตสูงมาก ลูกใหญ่มากเรียกว่าปลูกต้นเดียวกินได้ทั้งหมู่บ้านการดูแลค่อนข้างง่าย ต้องการการบำรุงรักษาต่ำ ทนทานโรค มีรสชาติดี เป็นที่นิยมของตลาด ผลผลิตขึ้นอยู่กับภูมิอากาศที่ปลูก

     การปลูกมะเขือเทศสายพันธุ์นี้ ต้องการแสงแดดเต็มที่ อากาศไม่หนาวจัดเกินไป น้ำปานกลาง ดินมีค่า ph ระหว่าง 5-6 มีความเป็นกรด อ่อน-ปานกลาง
อุณภูมิที่เหมาะสมในการปลูกอยู่ในช่วง 12 ° C / 54 ° F ถึง 32 ° C / 90 ° F การหว่านเมล็ด ลึก ราวๆ 2 เซน ระยะห่าง 80 เซน ต่อหลุม
เมล็ดจะงอกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 10 วัน และสามารถเริ่มให้ผลผลิตตั้งแต่ 90 วัน โดยประมาณ
ต้นจะโตเต็มที่ ภายใน 150 วัน




อีกหนึ่งความแปลกที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา
เชื่อมั้ยคับว่านี่คือมะเขือเทศ ทั้งรูปร่าง
สี กลิ่น รสชาติ เหมือนแตง แคนตาลูป
แต่เขาเป็นตระกูลเดียวกับมะเขือเทศ
ได้เมล็ดมาแล้วด้วยขอบอก^_^



มะเขือเทศรูปหัวใจ (Tomatoberry) 

 พัฒนาพันธุ์โดยบริษัทเมล็ดพันธุ์ชั้นนำในประเทศญี่ปุ่น ที่พัฒนามะเขือเทศสายพันธุ์นี้ให้มีรูปลักษณ์แปลกใหม่ ลักษณะคล้ายรูปหัวใจหรือลูกสตรอเบอรี่ สีแดงสด เพิ่มความหวาน และลดความเปรี้ยวลง เพื่อดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มผู้ใหญ่ วัยทำงาน เยาวชน วัยรุ่น ให้หันมารับประทานมะเขือเทศสดกันมากขึ้น ปัจจุบันสามารถเพาะพันธุ์ได้ในประเทศไทย โดยบริษัท เจียไต๋ เป็นผู้ผลิตและจำหน่าย












ส่วนรูปที่เหลือนี่ยังไม่ชัดเจนเรื่องสายพันธุ์ และแหล่งที่จะเสาะมาได้เลยครับ ลงรูปไว้ดูเล่นกันไปก่อนนะ



















































มาทำความรู้จักกับหม่อน Mulberry

Mulberry

มัลเบอร์รี่ (Mulberry) หรือ หม่อน (ภาคอีสานเรียกว่า “มอน”) ที่เรารู้จักกันจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ หม่อนหรือมัลเบอร์รี่ชนิดที่ปลูกไว้เพื่อรับประทานผลเพียงอย่างเดียว ซึ่งมีชื่อสามัญว่า Black Mulberry และมีชื่อวิทยาศาสตร์ Morus nigra L. จัดอยู่ในวงศ์ MORACEAE ผลสุกจะเป็นสีดำมีรสเปรี้ยวอมหวาน นิยมนำมารับประทานและนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
ส่วนอีกชนิด คือ หม่อนที่ปลูกไว้เพื่อการเลี้ยงไหมเป็นหลัก มีชื่อสามัญว่า White Mulberry และมีชื่อวิทยาศาสตร์ Morus alba L. ชนิดนี้ใบจะมีขนาดใหญ่กว่าและออกใบมากกว่า ใช้เป็นอาหารเลี้ยงไหมได้ดี แต่ผลจะมีขนาดเล็กกว่า เมื่อสุกจะมีรสเปรี้ยว ใช้รับประทานได้เช่นกัน แต่ไม่เป็นที่นิยมเท่าชนิดแรก และยังมีชนิดอื่น ๆ อีกหลายชนิดครับ เช่น Red Mulberry ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Morus rubra L. เป็นต้นสรรพคุณของมัลเบอร์รี่
ผลมัลเบอร์รี่มีรสเปรี้ยวหวานเย็น มีสรรพคุณช่วยดับร้อน คายความร้อนรุ่ม ช่วยขับลมร้อน ช่วยบรรเทาอากากระหายน้ำ ทำให้ชุ่มคอ และทำให้ร่างกายชุ่มชื่น
ผลนำมาต้มกับน้ำหรือเชื่อมกินเป็นยาแก้ธาตุไม่ปกติ
ผลมีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจ
มัลเบอร์รี่มีสรรพคุณช่วยทำให้เส้นประสาทตาดี ทำให้สายตาแจ่มใส หูตาสว่าง ร่างกายสุขสบาย
ผลมีสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องผูก และยังมีเมล็ดที่ช่วยเพิ่มใยอาหาร
ผลนำมาต้มกับน้ำหรือเชื่อมกินเป็นยาระบายอ่อน ๆ
ผลมัลเบอร์รี่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อตับและไต มีสรรพคุณช่วยบำรุงตับและไต ช่วยรักษาตับและไตพร่อง
ช่วยแก้ข้อมูลข้อเท้าเกร็ง แก้ไขข้อ โรคปวดข้อ
ช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำ ป้องกันผมหงอกก่อนวัย
ในประเทศจีนจะใช้ผล กิ่งอ่อน เปลือกราก และใบเป็นยาบำรุงกำลัง รักษาโรคเกี่ยวกับทรวงอก แก้ไอ หืด วัณโรคปอด การสะสมน้ำในร่างกายผิดปกติ ขับปัสสาวะ และรักษาโรคปวด
 “ ชาใบหม่อน “เครื่องดื่มสมุนไพรจากใบหม่อน
ใบหม่อน มีสารดิอ็อกซิโนจิริมายซิน (Deoxynojirimycin)  มีผลในการลดระดับน้ำตาลในเลือด  มีสารกาบา (GABA – gamma amino butyric acid) ที่มีคุณสมบัติในการลดความดันโลหิต และสาร ไฟโตสเตอรอล  (Phytosterol) ที่มีประสิทธิภาพในการลดระดับคอเลสเตอรอล  แร่ธาตุ และวิตามิน ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายโดยรวมสูงกว่าใบชาทั่วไป
 นอกจากนี้ใบหม่อน ยังมีสารฟลาวโวนอยด์  ที่ช่วยให้ :
1. ป้องกันการดูดซึมของน้ำตาลในลำไส้เล็ก
2. ทำให้กระแสเลือดหมุนเวียนดี  และหลอดเลือดแข็งแรง
3. ยับยั้งการเกิดสารก่อมะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่
4. ลดอาการแพ้ต่าง ๆ และยืดอายุเม็ดเลือดขาว
ใบหม่อนยังปรุงอาหารแทนผงชูรส และเป็นส่วนประกอบของอาหารพื้นบ้านได้หลายชนิด เช่น ต้มยำ แกงอ่อม และผักเคียง ฯลฯ มาเป็นเวลาช้านานแล้ว ปัจจุบันชาใบหม่อนได้เข้ามาสู่อุตสาหกรรมอาหารต่าง ๆ เช่น ไอศกรีมชาเขียวใบหม่อน   เค้กชาใบหม่อน   คุกกี้ใบหม่อน    บะหมี่ใบหม่อน



ประโยชน์ของมัลเบอร์รี่

มัลเบอร์รี่มีสาร Anthocyanins ในปริมาณมาก โดยสารชนิดนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ต่อต้านอาการขาดเลือดในสมอง ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง เป็นต้น
มัลเบอร์รี่มีสาร Deoxynojirimycin ที่เป็นตัวช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
มัลเบอร์รี่มีกาบา (GABA) ที่เป็นตัวช่วยลดความโลหิต
มัลเบอร์รี่มีสาร Phytosterol ที่สามารถช่วยลระดับคอเลสเตอรอลได้
มัลเบอร์รี่มีสาร Polyphenols ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์กับร่างกาย
สารประกอบฟีนอลในมีอยู่ในผลมัลเบอร์รี่ สามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้านอาการอักเสบ อาการเส้นเลือดโป่งพอง และยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสได้
สาร Quercetin และสาร Kaempferol ที่มีอยู่ในผลมัลเบอร์รี่เป็นสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ โรคความดันโลหิต ช่วยทำให้หลอดเลือดแข็งแรง เลือดหมุนเวียนดี ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือด ป้องกันการดูดซึมของน้ำตาลในลำไส้เล็ก ยับยั้งการเกิดสารก่อมะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยยืดอายุเม็ดเลือดขาว และลดอาการแพ้ต่าง ๆ
มีวิตามินเอที่ช่วยในด้านการบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดต้อกระจก ช่วยบำรุงเหงือกและฟัน บำรุงผิวพรรณ และลดการอักเสบของสิว
วิตามินบี6 ในผลมัลเบอร์รี่ มีประโยชน์ในด้านการบำรุงเลือด ตับ และไต ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน และลดการเกิดสิว
มัลเบอร์รี่มีวิตามินซีสูง ที่เป็นตัวช่วยป้องกันหวัด ภูมิแพ้ วัณโรค โรคปอด เชื้อไวรัส และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
มัลเบอร์รี่กรดโฟลิกสูง ซึ่งกรดโฟลิกนั้นสามารถช่วยทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงเจริญได้เต็มที่ ทำให้เซลล์ประสาทไขสันหลังและเซลล์สมองเจริญเป็นปกติ และช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
นอกจากนี้ลูกมัลเบอร์รี่ยังกรดอะมิโน วิตามินและแร่ธาตุอีกหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี แคลเซียม ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม แมกนีเซียม โซเดียม สังกะสี ฯลฯ[
บางรายงานระบุว่ามัลเบอร์รี่สามารถช่วยแก้อาการเมาค้าง และช่วยผ่อนคลายความเครียดได้
ผลมัลเบอร์รี่สามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารหรือผลิตภัณฑ์ได้หลายชนิด เช่น แยมหม่อน เยลลี่หม่อน ขนมพาย ข้าวเกรียบ ไอศกรีมหม่อน หม่อนแช่อิ่ม หม่อนอบแห้ง ลูกอมหม่อน น้ำหม่อน ไวน์หม่อน เป็นต้น


ผลหม่อน มัลเบอรี่ ในกระถาง 20 นิ้ว ข้าน้อยปลูกเอง ดกมากครับ





คุณค่าทางโภชชนาการของมัลเบอร์รี่ ต่อ 100 กรัม

พลังงาน 43 กิโลแคลอรี่
คาร์โบไฮเดรต 9.8 กรัม
น้ำตาล 8.1 กรัม
ใยอาหาร 1.7 กรัม
ไขมัน 0.39 กรัม
โปรตีน 1.44 กรัม
เถ้า 0.69 กรัม
วิตามินเอ 25 หน่วยสากล
เบต้าแคโรทีน 9 ไมโครกรัม
ลูทีน และ ซีแซนทีน 136 ไมโครกรัม
วิตามินบี1 0.029 มิลลิกรัม (3%)
วิตามินบี2 0.101 มิลลิกรัม (8%)
วิตามินบี3 0.62 มิลลิกรัม (4%)
วิตามินบี6 0.05 มิลลิกรัม (4%)
วิตามินบี9 6 ไมโครกรัม (2%)
วิตามินซี 36.4 มิลลิกรัม (44%)
วิตามินอี 0.87 มิลลิกรัม
วิตามินเค 7.8 ไมโครกรัม
โคลีน 12.3 มิลลิกรัม (3%)
แคลเซียม 39 มิลลิกรัม (4%)
ธาตุเหล็ก 1.85 มิลลิกรัม (14%)
แมกนีเซียม 18 มิลลิกรัม (5%)
ฟอสฟอรัส 38 มิลลิกรัม (5%)
โพแทสเซียม 194 มิลลิกรัม (4%)
โซเดียม 10 มิลลิกรัม (1%)
สังกะสี 0.12 มิลลิกรัม (1%)
ทองแดง 0.06 มิลลิกรัม
ซีลีเนียม 0.6 ไมโครกรัม
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

References

หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  “หม่อน (Mon)”.  หน้า 327.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.  (วิทยา บุญวรพัฒน์).  “หม่อน”.  หน้า 618.
หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด.  (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก).  “หม่อน”  หน้า 194-195.
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “หม่อน”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com.  [22 ก.ค. 2014].
ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.  (อุไรวรรณ นิลเพ็ชร์).  “หม่อน ( Mulberry ) : พืชมากประโยชน์”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.rdi.ku.ac.th/kufair50/.  [22 ก.ค. 2014].
กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์.  (นายวิโรจน์ แก้วเรือง ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์หม่อนไหม).  “หม่อน & ไหม… พืชและเส้นใยแห่งอนาคต”.